|
|
หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ-แม่
หลังจากพ่อตาย แม่ก็มีสามีใหม่ พ่อใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา
ขณะนั้นหนูเติบโตกำลังแตกเนื้อสาว กำลังเรียนหนังสือชั้น
ม.๓ พ่อเลี้ยงอายุราว ๔๐ ปี เขามักมองหนูอย่างมีเลศนัยมาตลอด
เขาสนใจพฤติกรรมของหนูไปเสียหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยามกินยามนอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่หนูจะเข้าห้องน้ำ เขาก็ยิ่งจับตามอง
และให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เขามองหนูตาไม่กระพริบจนหนูอึดอัดใจหลายต่อหลายครั้ง
ทั้งตอนเข้า และออกจากห้องน้ำ จนหนูต้องเปลี่ยนจากการนุ่งกระโจมออกมาจากห้องน้ำ
มาเป็นการเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเลยเพื่อป้องกันสายตาที่คิดไม่ซื่อต่อหนู |
|
พฤติกรรมของพ่อเลี้ยงค่อยๆ
ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาหนูเริ่มคบเพื่อนชาย พ่อเลี้ยงรู้ก็ยิ่งคุกคามสวัสดิภาพของหนูหนักข้อยิ่งขึ้น
เขากล้าออกคำสั่งไม่ให้หนูคบหากับผู้ชาย และคอยเจ้ากี้เจ้าการ
เรื่องส่วนตัวของหนูไปหมดทุก อย่าง และสุดท้ายเขาก็เผยความชั่วร้ายออกมาด้วยการคิดจะเล่นเกมกับหนู
ในคืนหนึ่งขณะที่แม่ไปงานศพเพื่อนบ้าน เขาเข้ามาปล้ำหนูถึงในห้องนอน
หนูดิ้นรนต่อสู้ และพยายามร้องตะโกนเสียงดังเรียกให้คนช่วย
เขาเห็นว่าหนูไม่เล่นกับเขาแน่ เขาจึงเผ่นออกจากห้องนอนของหนู
เมื่อแม่ของหนูกลับจากไปงานศพ หนูก็รีบเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังทันที
แม่นิ่งเงียบ มิได้แสดงอาการโกรธแค้น ขุนเคือง
หรือต่อว่าต่อขานพ่อเลี้ยงแต่ประการใด หนูจึงพูดประชดแม่ว่า
ถ้าคนรักของหนูมาสู่ขอ หนูก็จะไปอยู่กับเขา
จะได้ไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้เสียที ทั้งที่หนูยังไม่ปักใจรักเพื่อนชายของหนูสักเท่าไรในตอนนั้น
แต่มาไม่นาน เพื่อนชายของหนูก็พาผู้ใหญ่มาสู่ขอหนูจริงๆ
เราจึงได้แต่งงานกันโดยที่ต่างฝ่ายก็เพิ่งคบหากันยังไม่นาน |
|
เมื่อหนูแต่งงานมาอยู่ด้วยกันแล้ว
หนูต้องทำงานหนักทุกอย่างทั้งภายในบ้านและงานในเรือกสวนไร่นา
ต่อมาหนูตั้งครรภ์ตอนแรกๆ สามีของหนูก็ดูมีน้ำจิตน้ำใจช่วยเหลือและเอาใจใส่หนูดี
แต่พอนานวันไปความเปลี่ยนแปลงเริ่มเกิดขึ้น หนูเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาไม่สนใจใยดีหนูเหมือนเก่า
เมื่อหนูสอบถามเขาก็ยอมรับความจริงว่าเขาแอบมีเมียเอาไว้อีกคนเป็นเด็กสาววัยเด็กชนิดที่เรียกว่ายังยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน
เขาบอกว่า จำเป็นต้องรับผิดชอบเด็กคนนี้เพราะไปทำให้เขาท้องไว้แล้ว
มิเช่นนั้นพ่อแม่ของเด็กจะเอาเรื่องในข้อหาพรากผู้เยาว์
เขาขอให้หนูพยายามทำใจและยอมรับเขาเอาเมียน้อยเด็กวัยกระเตาะเข้ามาอยู่ร่วมด้วยที่บ้าน
สุดท้ายหนูจำต้องกล้ำกลืนรับเด็กหญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในชายคาบ้านในฐานะเมียน้อยของเขาอีกคนเพื่อช่วยเหลือสามีไม่ให้ติดคุก
แต่ความเสียสละของหนูกลับกลายเป็นหนามร้ายที่ยอกอกและทิ่มแทงหัวใจหนูมาตราบเท่าทุกวันนี้
เพราะนับตั้งแต่เด็กคนนั้นเหยียบย่างเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน
หนูก็กลายสภาพเป็นทาสที่ต้องคอยปรนนิบัติทั้งสามีและเมียใหม่ของเขาซึ่งมีหน้าที่กินนอนและขึ้นห้อง
เมื่อหนูอดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากขึ้นมาคราใด ผลที่หนูได้รับคือจะถูกสามีด่าว่า
ตบตี และเอ่ยปากเสือกไสไล่ส่งให้หนูออกจากบ้านของเขาไป
เขาไล่หนูเหมือนวัวเหมือนควาย จนกระทั่งหนูต้องตัดสินใจอุ้มท้อง
๗ เดือนเข้ามาตายเอาดาบหน้าที่กรุงเทพฯ จนได้พบกับคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง
ซึ่งหนูได้เล่าเรื่องราวให้เขาฟัง เขาสงสารพยายามติดต่อไปที่
ร่วมด้วยช่วยกัน แล้วได้คำแนะนำให้หนูมาบ้านพักฉุกเฉิน |
|
...อร... |
|
เรื่องนี้ใครได้อ่าน
ได้ฟังแล้วต้องร้องไห้แน่ นี้คือทุกข์อันแสนสาหัส
เป็นที่สุดแห่งทุกข์ของลูกผู้หญิง เรื่องราวอย่างนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับสตรีทุกคนไม่ว่ายากดี
มีหรือจน นี่เป็นทุกข์ของมนุษย์โลก เป็นกรรมของสัตว์โลกไม่ต้องโทษใคร
มันเป็นธรรมดาของโลก ทุกคนย่อมได้ยินได้ฟังได้เห็นได้ประสบกับตนเอง
ซ้ำๆ ซากๆ อย่างนี้ ซึ่งมีมานานแล้ว และยังจะมีต่อไป |
|
เรื่องของพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยงสาว
ถ้าอยู่บ้านเดียวกันแล้วต้องมีปัญหาอย่างนี้ทุกราย
ไม่ว่าชาติใดภาษาใด เมื่อเกิดเรื่องแล้ว ผู้เป็นแม่มักนิ่งเฉย
หรือส่งเสริมให้สามีทำกับลูกสาวของตนเองไปเลย
แม้แต่พ่อบังเกิดเกล้ากับลูกสาวตนเอง ถ้าคลุกคลีกันหรือใกล้ชิดกันมากก็ทำร้ายกันได้
แล้วจะกล่าวไปใยถึงพ่อเลี้ยง ที่ไหนก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นและการที่สามีไปหาเด็กใหม่ๆ
มาอีกก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นเดียวกัน ชีวิตของผู้ครองเรือนเป็นเช่นนี้เอง |
|
ถึงใครจะทุกข์ระทมเพียงใด
พระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของปวงสัตว์ทรงชี้ทางพ้นทุกข์ไว้แล้ว
เชิญหลั่งศรัทธามาเถิด |
|
|