๑.
ชนผู้มีปัญญา ย่อมทำจิตที่ดิ้นรน กลับกลอก รักษาได้ยาก ห้ามได้ยาก ให้ตรง ดุจนายช่างทำลูกศรดัดลูกศรให้ตรง ผู้ปฏิบัติธรรมะพึงยกจิตขึ้นจากความอาลัยในกามคุณ ๕ ด้วยอำนาจสมาธิ และปัญญาเห็นโทษเพื่อละบ่วงของมาร จงยกจิตที่ดิ้นรน ดุจปลาถูกนายพรานจับขึ้นจากน้ำโยนขึ้นบนบก มันย่อมดิ้นรนอยู่ฉันนั้น
 
๒.
การฝึกจิตอันข่มได้ยาก เป็นธรรมชาติที่แล่นเร็วมักตกอยู่ในอารมณ์ของความใคร่นั้นเป็นการดี จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้
 
๓.
ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิตที่เห็นได้ยาก ละเอียดอ่อนยิ่งนัก มักตกไปในอารมณ์ใฝ่ต่ำ จิตที่คุ้มครองไว้ได้นำสุขมาให้
 
๔.
ผู้ใดสำรวมจิตอันชอบเที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียวไม่มีตัว ชอบหมกมุ่นในกิเลสตัณหา ผู้นั้นจะพ้นจากเครื่องผูกของมาร
 
๕.
ปัญญาย่อมไม่สมบูรณ์แก่ผู้มีจิตไม่มั่นคง ไม่รู้แจ้งในสัจจะธรรมะ มีความเลื่อมใสที่เลื่อนลอย ภัยย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตอันปราศจากความกำหนัด ไม่ถูกโทสะกระทบ ย่อมละบาปและบุญได้ เป็นผู้ตื่นอยู่
 
๖.
บัณฑิตย่อมรู้จักกายนี้เปรียบด้วยหม้อดินที่แตกง่าย ย่อมกั้นจิตอันเปรียบด้วยนคร พึงรบกับข้าศึกด้วยอาวุธคือปัญญา จงรักษาความชนะที่ชนะได้แล้ว แต่ไม่ติดอยู่
   
๗.
ไม่นานหนอ ร่างกายนี้จะนอนทับแผ่นดินไร้วิญญาณ ถูกทอดทิ้งเหมือนท่อนไม้ผุไร้ประโยชน์
 
๘.
จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมทำคนให้เลวทรามยิ่งกว่าความพินาศฉิบหายที่โจรหรือคนจองเวรทำให้เสียอีก
   
๙.
มารดาบิดา หรือเหล่าญาติก็ไม่ทำอะไรได้ แต่จิตที่เจ้าของตั้งไว้ดีแล้วประเสริฐกว่า
     

 

 



หน้าแรก I ประวัติหลวงพ่อเกษตร I วัดเขาหินเทิน I ธรรมะโดยหลวงพ่อเกษตร I กระดานกระทู้ธรรม l ติดต่อกับเรา
Copyright © 2003  Wat Khaohinturn All rights reserved
Designed & Managed by : flmonline.net