ในกัปที่ ๙๑ นับจากกัปนี้ พระพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้น
ในโลก  ในพระนครพันธุมดีมีพระบรมกษัตริย์ทรงพระนามว่า พันธุมา
เป็นผู้ครองนคร พระองศ์ทรงมีทศพิศราชธรรม ทรงบริหารราชการแผ่น
ดินโดยธรรม  ทรงมีพระศรัทธาแรงกล้าในพระพุทธศาสนา ทรงเป็นหัว
หน้าในการบุญการกุศล พระองศ์ทรงให้ทานรักษาศีล๕ ในวันอุบาสถ
(วันพระ) ก็ทรงสมาทานศีล อุโบสถ(ศีล๘) อยู่เป็นปกตินิสัย ทั้งยังทรงแนะ
ให้เหล่าข้าราชการและราษฎรของพระองศ์ ให้ทาน รักษาศีล๕ และรักษา
อุโบสถในวันอุโบสถเช่นเดียวกับพระองศ์ด้วย บรรดาข้าราชการและเหล่า
ราชฎรทั้งหลายล้วนเชื่อและรักใครพระองศ์โดยถ้วนหน้า บ้านเมืองภายใต้
การปกครองของพระองศ์มีความเจริญรุ่งเรืองด้วยสิ่งก่อสร้างงดงาม ถนน
หนทางสะดวกสบาย พืชพรรณธัญหารก็อุดสมบูรณ์บ้านเมืองสงบร่มเย็น
ไม่เกิดปัญหาไม่เกิดความวุ่นวายใดๆเลยสมัยนั้นดิฉันเกิดเป็นนางกุม
ภทาสีอยู่ในนครพันธุมดีนั้น. ในวันอุโบสถวันหนึ่งพระจันทร์เต็มดวง
พระราชาทรงรักษาอุโบสถศีล พร้อมทั้งเหล่าเสนาอำมาตย์เหล่าข้าราชการ
เหล่าคหบดีทั้งหลาย ดิฉันเห็นเช่นนั้นแล้วจึงคิดว่า แม้พระมหากษัตริย์ยัง
ทรงละราชกิจมารักษาอุโบสถศีล กรรมนั้นต้องมีผลแน่นอน หมู่มหาชนพา
กันเบิกบานใจ ดิฉันพิจารณาเห็นทุคติและความเป็นคนยากไร้
ต้องเกิดมาเป็นทาสเพราะไม่ได้สร้างบุญไว้แต่ปางก่อน พิจราณา
โดยแยบคายทำใจให้ร่าเริงแล้วรักษาอุโบสถศีลในพระศาสนา
ศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวิปัสสี เพราะเป็นทาสเขาจึง
รักษาอุโบสถศีลได้เพียงวันเดียวเท่านั้น.

ครั้นดิฉันสิ้นชีวิตจากชาตินั้นแล้ว เพราะกรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น ดิฉันได้
ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหมือนนอนหลับแล้วตื่น ขึ้นในวิมานอันงาม
วิมานที่บุญกรรมสร้างให้ดิฉันล้วนแล้วด้วย แก้ว ทอง เงิน สูงโยชน์หนึ่ง มียอด  มีที่นั่งทองคำประดับด้วยแก้วอันมีค่าเป็นบัลลังก์ใหญ่โต วิมาน
มานพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติอันเป็นทิพย์ลอยไปได้ในอากาศตามใจ
ปรารถนา นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว นางอัปสรแสน
นางต่างบำรุงบำเรอดิฉันทุกเมื่อ ดิฉันงามเกินกว่านางอัปสรอื่นใดทั้งปวง
นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว.

ดิฉันได้เกิดเป็นพระอัครมเหสีของท้าวสักรินทร์เทวราช ๖๔ พระองค์ ดิฉันได้เกิดเป็นอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๖๓
พระองค์ นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว ดิฉันมีผิวพรรณดังทองคำ ท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภพทั้งหลาย สวรรค์เป็นที่อยู่ของ
ของดิฉัน ดิฉันเป็นผู้ประเสริฐในที่ทุกสถาน นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว.
เมื่อดิฉันเกิดในโลกมนุษย์ ดิฉันย่อมได้ยานช้าง ยานม้า ยานรถ และยานอย่างดีเลิศทุกอย่างมากมาย นี้เป็นผลแห่งการรักษารักษาอุโบสถ
ศีลเพียงครั้งเดียว   ภาชนะอันสำเร็จด้วยทองคำ เงิน แก้วผลึก แก้วปทุมราช ดิฉันได้ทุกอย่าง ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าเปลือกไม้ ผ้าฝ้าย
และผ้าอันมีค่าสูง ดิฉันได้ทุกสิ่ง นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว. ข้าวน้ำ ของเคี้ยว ที่นั่งที่นอน ที่อยู่อาศัย ไร่นา และที่ดิน
อันกว้างใหญ่ ดิฉันได้ทุกอย่าง นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว. เครื่องหอมชนิดดีเลิศ ดอกไม้ เครื่องสำอางอย่างดี
ดิฉันได้ทุกประการ นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว. เรือนยอด ปราสาท มณฑป เรือนโล้นและถ้ำ ดิฉันก็ได้้ถ้วนทุกสิ่ง
นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว.

ในชาตินี้พอดิฉันเกิดมาได้ ๗ ขวบ ได้ออกบวชเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนาของสมณะโคตะมะผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลก ได้บรรลุอะระหัต
เมื่อยังไม่ทันถึงครึ่งเดือน ดิฉันมีอาสะวะกิเลสสิ้นไปหมดแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีสำหรับดิฉัน. ในกัปที่ ๙๑ นับแต่กัปนี้ ดิฉันได้ทำกรรมอันงาม
ด้วยผลแห่งกรรมนั้นดิฉันไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการรักษาอุโบสถศีลเพียงครั้งเดียว. ดิฉันเผากิเลสกิเลสทั้งหลายแล้ว
ถอนภพขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกพันเหมือนช้างพังตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสะวะอยู่ การที่ดิฉันได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้าผู้
ประเสริฐสุดนี้   เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ ดิฉันได้บรรลุแล้วโดยลำดับ กิจที่ควรทำในพระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำสำเร็จแล้ว.
ท่านพระเอกุโปสถิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการนี้แล.     จบเอกุโปสถิกาเถริยาปาทาน







หน้าแรก I ประวัติหลวงพ่อเกษตร I วัดเขาหินเทิน I ธรรมะโดยหลวงพ่อเกษตร I กระดานกระทู้ธรรม l ติดต่อกับเรา
Copyright © 2003  Wat Khaohinturn All rights reserved
Designed & Managed by : flmonline.net