|
|
พระศาสดาทรงทอดพระเนตรดูเทพบุตรทั้งสองนั้นแล้ว
มีพระประสงค์จะยังบริษัทให้ทราบถึงความแตกต่างแห่งทานอันบุคคลถวายแล้วแก่ทักขิไณยบุคคล
(บุคคลผู้เป็นเนื้อนาบุญ) ในศาสนาของพระองค์เป็นกุศลมีผลมาก จึงตรัสว่า
" ดูก่อนอังกุระระ เมื่อชาติก่อนเธอได้ทำแถวเตาไฟตั้งหม้อปรุงอาหาร
และ ตั้งวัตถุทานมากมายเรียงรายยาว ๑๒ โยชน์เพื่อแจกจ่ายเป็นทานทุกวันเป็นเวลานานประมาณหมื่นปี
บัดนี้เธอมาสู่สมาคมของเราเหตุไฉนถึงได้โอกาสในที่ไกลถึง ๑๒ โยชน์
ซึ่งไกลกว่าเทพบุตรเทพธิดาทั้งหมด? " พระสุรเสียงนั้นดังถึงพื้นปฐพี
บริษัททั้งหมดได้ยินกันทั่ว
อังกุระเทพบุตรได้กราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จะต้องการอะไรด้วยทานอันปราศ
จากทักขิไณยบุคคล ผู้รับทานเหล่านั้นล้วนเป็นปุถุชนไม่ใช่อริยะบุคคล
ส่วนอินทะกะเทพบุตรนี้ถวายทานเพียงเล็กน้อยแก่พระอรหันต์ยังรุ่งเรืองยิ่งกว่าข้าพระองค์
ดุจพระจันทร์ในหมู่ดาว พระเจ้าข้า."
จากนั้นพระศาสดาตรัสกับอินทะกะเทพบุตรว่า
" ดูก่อนอินทะกะเธอยังนั่งอยู่ที่เดิมด้านขวาของเรา เหตุไฉนจึงไม่ต้องถอยร่นออกไปล่ะ
?"
อินทะกะเทพบุตรกราบทูลว่า
" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ข้าพระองค์ได้ตักบาตรด้วยข้าวสุกทัพพีเดียวที่เขาจัดไว้ให้ข้าพระองค์
แก่พระอนุรุทธเถระผู้เข้าไปบิณฑบาตในบ้าน ข้าพระองค์ได้ทักขิไณยสมบัติแล้ว
ดุจชาวนาหว่านพืชนิดหน่อยในนาดี พระเจ้าข้า. "
เพื่อประกาศทักขิไณยบุคคล
อินทะกะเทพบุตรจึงกล่าวเป็นคาถาว่า :
" พืชแม้มากอันบุคคลหว่านแล้วในนาดอนผลย่อมไม่ไพบูลย์ (เต็ม)
ทั้งไม่ยังชาวนาให้ยินดีฉันใด ทานมากมายตั้งไว้ในหมู่ชนผู้ทุศีลผลย่อมไม่ไพบูลย์
ทั้งไม่ยังผู้ให้ให้ยินดีฉันนั้น,"
"
พืชแม้เล็กน้อยอันบุคคลหว่านแล้วในนาดี เมื่อฝนหลั่งมาผลย่อมไพบูลย์
ยังชาวนาให้ ยินดีฉันใด สักการะแม้เล็กน้อยทำแล้วในหมู่ท่านผู้มีศีล
ผู้มีคุณธรรม ผู้คงที่ ผลย่อม ไพบูลย์ ยังผู้ให้ให้ยินดีฉันนั้น."
พระศาสดาตรัสกับอังกุระเทพบุตรว่า " ดูก่อนอังกุระ การเลือกเสียก่อนแล้วให้ทานจึงควร
ทานย่อมมีผลมากด้วยอาการอย่างนี้."
แล้วพระองค์ตรัสเป็นคาถาว่า
:
"ทานอันบุคคลให้ในเขตใดแล้วมีผลมากควรให้ในเขตนั้น การเลือกให้พระสุคตทรงสรรเสริญ
ทานที่บุคคลให้ในทักขิไณยบุคคลทั้งหลายในโลก คือหมู่สัตว์นี้มีผลมาก
เหมือนเมล็ด
พืชที่หว่านในนาดีฉันนั้น."
"นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นเครื่องประทุษร้าย
หมู่สัตว์นี้มีราคะ (ความกำหนัด) เป็นเครื่องประทุษร้าย เพราะเหตุนั้น
ทานที่ให้ในท่านที่สิ้นราคะจึงมีผลมาก หมู่สัตว์นี้มีโทสะ เป็นเครื่องประทุษร้าย
เพราะเหตุนั้นทานที่ให้ในท่านที่สิ้นโทสะจึงมีผลมาก หมู่สัตว์นี้มีโมหะ
(ความหลง) เป็น เครื่องประทุษร้าย เพราะเหตุนั้นทานที่ให้ในท่านที่สิ้นโมหะ
จึงมีผลมาก หมู่สัตว์นี้มีความอยากเป็นเครื่องประทุษร้าย เพราะเหตุนั้นทานที่ให้ในท่านที่สิ้นความอยากจึงมีผลมาก."
ในกาลจบเทศนา
อังกุระเทพบุตรและอินทะกะเทพบุตรก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลการเทศนาของพระศาสดามีประโยชน์แก่เหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายดังนี้แล
|
|
|