  
                               | 
                               
                                   
                                               
                                  ชะตานี้เอ๋ยช่างเลวทราม ตลอดชีวิตไม่มีความสุขเลย 
                                  ทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้ด้วยความยากลำบากเป็นเวลาหลายปี 
                                  ก็ศูนย์สลายหลายเป็นความว่างเปล่า สมแล้วที่เราไม่เคยส่งเงินไปให้พ่อ 
                                  ให้พี่หรือญาติผู้มีพระคุณ ตลอดชีวิตเราไม่เคยเอื้อเฟื้อท่านด้วยการไหว้กราบไม่เคยเอื้อเฟื้อด้วยคำไพเราะอ่อนหวาน 
                                  ไม่เคยเอื้อเฟื้อท่านด้วยทรัพย์สินอันควรให้ ไม่ได้ทำอะไรให้ท่านได้ชื่นชมเลย 
                                  ท่านมีแต่ให้เราทุกอย่าง  
                                   
                                                
                                  เคยเห็นเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือรุ่นราวคราวเดียวกัน 
                                  เขาเริ่มต้นชีวิตด้วยการหอบใบตรวจฉลากล๊อตเตอรี่ 
                                  วิ่งขาย หอบหนังสือพิมพ์เดินเร่ขาย เขาเลี้ยงพ่อผู้แก่เฒ่า 
                                  เลี้ยงแม่ผู้แก่เฒ่า ส่งน้องเรียนหนังสือ รู้จักให้ทาน 
                                  รู้จักทำบุญทำกุศล กิจการของเขาก็รุ่งเรืองเสมอต้นเสมอปลาย 
                                  ไม่ช้าไม่นานก็ตั้งตัวได้ต่อมาก็ได้เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่โตกันทุกคน 
                                  แต่ก่อนนี้เห็นแล้วให้อิจฉา  
                               | 
                             
                           
                         | 
                      
                       
                         
                          
                            
                               
                                              
                                มาบัดนี้ฉันรู้ดีรู้ชั่วแล้วรู้สึกชื่นชมยินดี อนุโมทนาสาธุ 
                                " ขอเพื่อน ๆ ทุกคนจงอยู่เป็นสุข จงประสพกับความเจริญยิ่ง 
                                ๆ ขึ้นไป เพื่อน ๆ ทุกคนทำดีแล้ว ทำถูกต้องแล้ว" 
                                ผลของบาปมีจริง ผลของบุญมีจริง นรกมีจริงสวรรค์มีจริง 
                                ไม่ต้องรอชาติหน้าเลย " ลูกมารู้สำนึกเอาเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างหมดไปแล้ว 
                                เคราะห์กรรมครั้งนี้พ่อแม่ไม่ได้ทำให้, พี่น้องไม่ได้ทำให้, 
                                ญาติทั้งหลายไม่ได้ทำให้,เทวดาไม่ได้ทำให้,พระพรหมไม่ได้ทำให้ 
                                แต่เราทำของเราเอง พอกันที
ชีวิตที่ผิดพลาด ! ตั้งแต่บัดนี้ลูกจะสร้างแต่กรรมดี 
                                จะสร้างแต่บุญบารมี จะอุทิศส่วนบุญให้ทุกท่าน  | 
                             
                             
                              |   | 
                             
                             
                                | 
                             
                             
                                | 
                             
                             
                              |  
                                              
                                  เมื่อฉันบวชแล้วคิดจะเรียนนักธรรมตรี, นักธรรมโท, 
                                  นักธรรมเอก. จึงค้นหาตำราเรียนซึ่งในวัดมีอยู่มาก 
                                  ได้ตำราเรียนนักธรรมตรีมาตั้งหนึ่ง นักธรรมโทตั้งหนึ่ง 
                                  นักธรรมเอกตั้งหนึ่ง เมื่ออ่านดูแล้ว เห็นมีความคลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎกมากโดยผู้เรียบเรียงตีความหมายเอาเอง 
                                  สอดแทรกทิฐิ และความคิดความเห็นอันไม่พ้นกิเลสของตนเข้าไป 
                                  เป็นที่น่าเกลียดอย่างยิ่งคือเรื่อง 
                                   
                                                
                                  " ประวัติของพระพุทธเจ้า " เขาแทรกบทวิจารณ์ไปในทางลบ 
                                  คุณวิเศษ,ฤทธิ์, ปาฏิหาริย์ ของพระพุทธองค์ถูกตัดออกหมด 
                                  ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ตีความเป็นวิทยาศาสตร์ตื้น 
                                  ๆ ไป พุทธศาสตร์เป็นวิชาของผู้ได้ญาณวิเศษ แต่วิทยาศาสตร์เป็นวิชาของผู้หนาด้วยกิเลส 
                                  เขาทำพระบรมศาสดาผู้เป็นบุคคลเอก, เป็นอัจฉริยมนุษย์, 
                                  เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ ฯลฯ.ให้เป็นบุคคลธรรมดาไม่ได้วิเศษเลิศเลออะไร 
                                  ฉันศึกษาจากพระไตรปิฏกเป็นอย่างหนึ่งมาศึกษาจากตำราข้างนอกเป็นอีกอย่างหนึ่ง 
                                  รู้สึกรับไม่ได้ ฉันมีศรัทธาเต็มเปี่ยมมีความเชื่อในพระพุทธองค์ดีอยู่แล้ว 
                                  มาอ่านพบเข้าถึงกับตะลึงว่า " เขาสอนพระภิกษุสามเณรผู้ที่จะต้องสืบพระศาสนากันอย่างนี้เองหรือ? 
                                  " ตำราเหล่านี้ไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดความเชื่อ,ไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา,ไม่ได้เป็นไปเพื่อละกิเลส 
                                  ฉันจึงไม่เรียน จะเรียนแต่พระไตรปิฎกเท่านั้น 
                                   
                                                ธรรมดาพระภิกษุสามเณรที่บวชกันมาที่ปฏิบัติดีก็มี 
                                  ที่ปฏิบัติไม่ดีก็มี ท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตั้งอยู่ในพระธรรมวินัย 
                                  ฉันก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา ส่วนที่ปฏิบัติไม่ดีไม่ตั้งอยู่ในพระธรรมวินัย 
                                  ฉันก็ปลงเสียว่าท่านมีอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า บารมียังไม่เต็มหรือมีศรัทธาไม่พอ 
                                  ผู้ทำผิดย่อมต้องรับโทษรับบาปไปแต่ผู้เดียวข้อนี้ฉันไม่ติดใจ 
                                  แต่บุคคลที่หน้ากลัวยิ่งกว่าคือ ผู้สอนผิดๆ มีนักเทศน์ 
                                  นักแสดงธรรมเป็นจำนวนมาก เทศนาว่าเอาเองตามทิฐิตามกิเลสตัณหาของตนเอง 
                                  บ้างก็บิดเบือนคำสอนบ้างก็กล่าวตู่ บ้างก็ลบล้างคำสอนของพระศาสดา 
                                  บางท่านเทศน์ไปลบหลู่พระพุทธเจ้าไปแล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดัง 
                                  บางท่านเทศน์ไปลบหลู่พระไตรปิฎกไปแล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดัง 
                                   
                                              บางท่านเทศน์อวดคุณวิเศษที่ไม่มีจริงในตนไป,ประจบชาวบ้านไปแล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดัง 
                                  ท่านเหล่านี้ตนเองจะตกนรกแล้วยังพาผู้ฟังที่เชื่อตามตกนรกไปด้วย 
                                  ส่วนนักเทศน์นักแสดงธรรมที่ยกย่องสรรเสริญพระพุทธเจ้า 
                                  ยกย่องสรรเสริญพระไตรปิฎกหาได้ยาก แม้ชาวพุทธไทยก็เช่นกันส่วนมากจะถามกันว่า 
                                  " อาจารย์นั้นสอนอย่างไร อาจารย์นี้สอนอย่างไร? 
                                  " น้อยคนนักที่จะถามว่า " พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร? 
                                  " และชาวพุทธไทยส่วนมากทีเดียวที่ไม่รู้จักพระไตรปิฎกอันเป็นคัมภีร์ของพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธทั่วโลกต้องศึกษา 
                                 
                               | 
                             
                           
                         | 
                      
                       
                         
                          
                             
                              |   | 
                               
                                               
                                              อีกประการหนึ่งที่ฉันสลดใจมากที่เห็นวงการสงฆ์ไทยแตกเป็นนิกายต่าง 
                                  ๆ และอีกหลาย ๆ อย่างที่เป็นข่าวอยู่ ในเมื่อแต่ละฝ่ายไม่ลงโบสถ์ร่วมกัน 
                                  ไม่ทำสังฆกรรมร่วมกัน ก็เป็นสังฆเภทนั่นเองเป็นอนันตริกรรมเป็นบาปอันหนักที่ผู้มีฤทธิ์ใด 
                                  ๆ ช่วยเหลือไม่ได้ คนจะดีหรือชั่วนั้นเป็นที่ตัวบุคคลไม่ใช่เป็นที่ชื่อพรรคชื่อพวก 
                                  เมื่อมีการแตกกันเสียแล้วย่อมมีความเกลียดชังกัน 
                                  ลบหลู่ดูหมิ่นกัน เมื่อนั้นความเสื่อมแห่งพระพุทธศาสนาย่อมตามมา 
                                  พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระไตรปิฎกว่า " ผู้ใดทำสงฆ์ที่สามัคคีกันแล้วให้แตกกันผู้นั้นจะตกนรกนาน 
                                  ๑ กัป ผู้ใดทำให้สงฆ์ที่แตกกันแล้วให้สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันผู้นั้นจะได้ขึ้นสวรรค์นาน 
                                  ๑ กัป " ( ๑ กัป หมายถึงระยะเวลาที่ยาวนาน 
                                  โดยนับตั้งแต่โลกเกิดจนโลกพินาศ หนึ่งครั้ง เรียกว่า 
                                  ๑ กัป ) 
                               | 
                               
                                  | 
                             
                           
                         | 
                      
                       
                        |  
                          
                         | 
                      
                      
                        
                          
                             
                               | 
                             
                             
                              |   | 
                                | 
                              พบเขาหินเทิน | 
                             
                             
                              |   | 
                                | 
                                | 
                             
                             
                              |   | 
                                | 
                               
                                                ฉันได้ดินธุดงค์ไปตามที่สงบสงัดหลายแห่ง 
                                  ใน พ.ศ. ๒๕๒๔ จำพรรษาอยู่เขา กระได อำเภอเมืองจังหวัดประจวบฯ 
                                  ซึ่งครั้งนั้นเป็นเพียงที่พักสงฆ์ ฉันได้สร้างกุฏิ, 
                                  ศาลา, และรูปปั้นไว้ได้อยู่ที่นั่น ๒ ปี ออกจากที่นั่นคิดจะจาริกไปยังประเทศพม่าอยากไปแดน 
                                  พุทธภูมิในอินเดียไม่คิดจะกลับ มีพระภิกษุ ๒ องค์ 
                                  แม่ชี ๓ รูป ติดตามไปด้วย เดินไปตาม ถนนสายหนองบัว 
                                  ด่านสิงขร ผ่านหมู่บ้านมะขามโพรงเห็นกลุ่มหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บ้าง 
                                  ซ้อนกันอยู่บ้างเป็นกลุ่ม ๆ หลายกลุ่มท่ามกลางไร่สับปะรด 
                                  คิดว่าสวยดี แต่ไม่คิดจะอยู่ พากันเดินต่อไปจนเวลาบ่ายมีเจ้าของโรงเลื่อยชาวไทยที่ไปทำไม้ในเขตประเทศพม่าขับรถ 
                                  คืนนั้นพักอยู่ในโรงเลื่อยใน พม่า ในคืนนั้นฉันเกิดความสังหรณ์ใจทั้งคืนว่า 
                                  " ตามภูเขาเล็ก ๆ แถวบ้านมะขามโพรง น่าจะมีถ้ำ 
                                  " อยากจะกลับไปดูอีกที  
                               | 
                             
                             
                              |   | 
                               
                                            รุ่งขึ้นเช้าเป็นวันที่ 
                                ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๖ หลังจากเจ้าของโรงเลื่อยเลี้ยงอาหารเช้าแล้วได้ลาเขาออกเดินทาง 
                                เมื่อไปถึงทาง ๓ แพร่ง ทางหนึ่งเข้าไปในพม่าอีกทางหนึ่งกลับเมืองไทย 
                                ผู้ติดตามทุกคนเคี่ยวเข็ญให้เดินทางต่อไปแต่ฉันก็พากลับเมืองไทยทุกคนก็ตามกลับด้วยความเกรงใจ 
                                เดินทางมาถึงหมู่บ้านมะขามโพรงเป็นเวลาบ่าย ได้แวะพักหลบแดดอยู่ที่ศาลาข้างทางแห่งหนึ่ง( 
                                เวลานี้พังหมดแล้ว )ได้เห็นเด็กกลุ่มหนึ่ง จึงถามพวกเด็ก 
                                ๆ ว่า " แถวนี้มีถ้ำไหม? " พวกเด็ก ๆ 
                                ตอบว่า " มี " จึงให้พวกเด็กพาไป 
                                 
                                           พวกเด็กพาเดินผ่านไร่อ้อยไร่สับปะรด 
                                ถึงเขาหินเทินอันเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่ตั้งซ้อนกันอยู่คล้ายถ้ำ 
                                ขณะที่เดินขึ้นสู่ปากถ้ำมีความรู้สึกคุ้นเหมือนเคยอยู่มาก่อน 
                                คิดว่า " คงมีอะไรดลใจให้มาพบเข้า " เมื่อขึ้นไปดูบภูเขาเห็นหินก้อนมหึมาตั้งอยู่บ้างซ้อนกันบ้างทั่วไปเป็นธรรมชาติที่สวยงามและอัศจรรย์ 
                                มีบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนที่ไหน มีความสงบสงัดไกลบ้านคน 
                                ไกลความเจริญทางด้านวัตถุเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม 
                                คิดว่า " เราเจอสถานที่ ๆ ดีที่สุดแล้ว " 
                                จึงตกลงใจอยู่ที่นี่ ต่อมาอีก ๓ วัน พระภิกษุที่ติดตามมา 
                                ๒ องค์ได้ลาเข้าไปในเขตพม่าใหม่ ส่วนแม่ชีทั้ง ๓ 
                                อยู่จำพรรษาด้วยกันพรรษาหนึ่งแล้วก็ลาจากไป ฉันจึงอยู่ที่นี้ผู้เดียวอย่างสงบ 
                                 
                                             
                                ครั้งนั้นที่นี้มี ไก่ป่า, นกกระทา, กระแต,เต่า,ตะกวด, 
                                งู เป็นจำนวนมากต่างก็เดินบ้าง วิ่งบ้าง เลื้อยบ้าง 
                                คลานบ้าง อยู่ทั่วไป พวกไก่พวกนกก็พากันขันพากันร้องกันให้แซ่ดไปหมด 
                                มักมีคนมาล่ามาดักมายิงเอาไปบ่อย ๆ จนในที่สุดสัตว์ต่าง 
                                ๆ เหล่านี้ก็ค่อย ๆ หมดไป. มีคนแถวนั้นเล่าให้ฟังว่า 
                                " ที่เขานี้จะมีพระธุดงค์มาพักมาปฏิบัติธรรมไม่ขาด 
                                " ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า " เมื่อสัก ๓๐-๔๐ 
                                ปีมาแล้ว ที่นี้ในเวลาเย็นเวลาค่ำจะมีเสียงมโหรี 
                                เสียงดนตรีทิพย์บรรเลงขับกล่อมทุกวัน นานวันเข้าต่อ 
                                ๆ มาก็หายไป  | 
                             
                           
                         | 
                      
                       
                        
                          
                             
                                | 
                                | 
                                | 
                             
                             
                              |  
                                   
                               | 
                             
                             
                              |   | 
                             
                             
                              |  
                                             เขาหินเทินเป็นกลุ่มหินมีขนาดประมาณ 
                                  ๑๐๐ ไร่ ไม่ใช่อุทยาน ไม่ใช่ที่ๆ อยู่ในความคุ้มครองของกรมป่าไม้ 
                                  เป็นเพียงที่รกร้างว่างเปล่าที่ชาวบ้านทำประโยชน์ไม่ได้แล้ว 
                                  แต่ฉันเห็นประโยชน์มหาศาลจากความงามความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วจึงพาชาวบ้านที่มาทำบุญช่วยกันพัฒนาเขานี้ 
                                  เช่น ขุดปรับแต่งดิน ปรับแต่งพื้นที่ จัดระเบียบก้อนหินให้เหมาะสมงดงาม 
                                  สร้างกุฏิ ศาลา สร้างแทงค์น้ำ สร้างห้องน้ำ จนมีความสะดวกสบายแต่ก็รักษาความเป็นธรรมชาติไว้ด้วย 
                                  มีการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นโดยรอบ เมื่อมาถึงที่นี่ใหม่ 
                                  ๆ ฉันบอกชาวบ้านว่า " ต่อไปคนกรุงเทพฯจะมาดู 
                                  " 
                                   
                                                
                                  ต่อมา พ.ศ. ๒๕๒๘ มีนายทุนชาวไต้หวันทำเรื่องขอสัมปทานตัดหินที่เขาลูกนี้และกลุ่มหินบริเวณหมู่บ้านมะขามโพรงโดยรอบเพื่อทำหินประดับส่งขายต่างประเทศ 
                                  เนื่องจากหินเหล่านี้มีลายสวยงาม ฉันได้ต่อสู้คัดค้านจนนายทุนเอาไม่ได้ 
                                  ฉันจำพรรษาที่นี่อย่างสงบเรื่อยมา บางครั้งก็มีพระภิกษุที่ต้องการปฏิบัติธรรมในที่สงบมาพักอาศัยอยู่ด้วย 
                                   ตั้งแต่ 
                               | 
                             
                             
                              |   | 
                              มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ก็มีญาติโยมมาทำบุญและถือศีลอุโบสถทุกวันพระไม่ขาด 
                                ฉันก็อบรมสั่งสอนให้รู้จักการเจริญสมาธิภาวนา แนะนำให้ทุกคนรู้จักพระไตรปิฎก 
                                อยู่ที่นี่มาก็มีอุปสรรคบ้างได้ทำเฉยเสีย ไม่รับทราบ 
                                ไม่โต้ตอบอดทนข่มใจไว้ ถือว่าเป็นเวรเป็นบาปเก่าที่เราเคยก่อไว้ 
                                แต่แล้วก็เบาบางลง  
                                 
                                             
                                ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ พิจารณาเห็นว่าอนาคตมีความไม่แน่นอนที่นี้ควรเป็นวัดให้เป็นหลักฐานเสียที 
                                จะได้เป็นที่พึ่งพิง เป็นที่พักอาศัยแก่ผู้แสวงหาหนทางพ้นทุกข์ 
                                แก่ชาวพุทธผู้แสวงหาความสงบได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม 
                                จึงได้ปรึกษากับญาติโยม อุบาสกอุบาสิกา และผู้มีศรัทธาถึงการจัดซื้อที่ดินโดยรอบเขาเพื่อสร้างวัด 
                                เพียงเอ่ยปากก็มีผู้ตอบสนองด้วยดี จึงพากันไปปรึกษาพระเถระชั้นผู้ใหญ่และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทุกท่านในจังหวัดก็ได้รับความสนับสนุนเต็มที่ 
                                แล้วตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อจัดหาทุนดำเนินการ 
                                จากนั้นก็มีผู้เลื่อมใสศรัทธามาร่วมประสานงานเพิ่มขึ้นเรื่อย 
                                ๆ เป็นที่น่ายินดี  | 
                             
                           
                         | 
                      
                       
                        |    | 
                      
                       
                         
                          
                             
                              |   | 
                               
                                               ฉันได้รจนาไว้เป็นหลักฐานดังนี้ 
                                  ขอสัตว์โลกทั้งปวงจงมีความสุขความเจริญโดยทั่วกันทุกท่านเทอญ 
                                 
                               | 
                             
                           
                         |