|
|
|
|
๑.พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่?
|
|
|
ตอบ |
ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกหีนะยาน
อันเป็นพระพุทธศาสนาต้นฉบับของเดิม ได้กล่าวไว้หลายตอนว่า พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์
แต่พระไตรปิฎกมหายาน อันเป็นพระพุทธศาสนาแปลกปลอม กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าไม่เสวยเนื้อสัตว์ |
|
|
|
๒. สูกรมัททวะ คืออะไรกันแน่? |
|
ตอบ |
สูกรมัททวะ ที่ถูกต้องอ่านว่า
สูกะระมัททะวะ
สูกะระ แปลว่า... หมู
มัททะวะ แปลว่า... อ่อน
สูกะระมัททะวะ แปลว่า... เนื้อหมูอ่อน
พระไตรปิฎกฉบับอรรถกถา ในอรรถกถาปรินิพพานสูตรก็กล่าวว่าเป็นเนื้อหมูอ่อน
แต่พวกมหายานพยายามปิดเบือนโดยแปลว่า เห็ดที่เขาให้หมูกิน |
|
|
๓. เวลานี้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีกี่นิกาย?
|
|
|
|
ตอบ |
แต่เดิมหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไม่นาน
ศาสนาพุทธแตกกันเป็นสองฝ่าย คือ มหายานกับหีนะยาน
ฝ่ายมหายานถือคติว่า พระธรรมวินัยตัดต่อแต่งเติมได้
เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย ส่วนฝ่ายหีนะยานถือคติว่า
พระธรรมวินัยไม่ควรตัดต่อแต่งเติม ควรรักษาของเดิมอันพระศาสดาทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ต่อมาฝ่ายมหายานเผยแพร่ไปทาง
จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และญวน ฝ่ายหีนะยานเผยแพร่ไปทาง
ลังกา ไทย พม่า ลาว และเขมร แต่เดิมเมื่อพระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ประเทศไทยยังไม่แตกเป็นนิกาย
แต่มาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ถูกแยกออกเป็น มหานิกายกับธรรมยุตนิกาย
และเมื่อมีชาวจีน ชาวญวน เข้ามาสู่ประเทศไทยมากขึ้น
จึงมีจีนนิกายและญวนนิกายในปัจจุบันนี้มีชาวพุทธกลุ่ม น้อยดื้อแพ่ง
สร้างนิกายใหม่ขึ้นมาอีกคือ ธรรมกายนิกายและสันติอโศกนิกาย
ดังนั้นในปัจจุบันในประเทศไทยจึงมี
๖ นิกาย
|
|
|
|
|
|
๔. ทำไมต้องมีการแตกแยกเป็นนิกายต่างๆ?
|
|
|
|
ตอบ
|
เพราะกิเลส
ตัณหา มานะ และทิฏฐิ |
|
|
|
|
|
๕. แล้วเราจะเลือกนับถือนิกายไหนดี่?
|
|
|
|
ตอบ
|
พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า
ผู้ใดทำสงฆ์ที่สามัคคีกันแล้วให้แตกกัน
ผู้นั้นจะต้องไปสู่นรกนาน ๑ กัป ผู้ใดทำสงฆ์ที่แตกกันแล้วให้สามัคคีกัน
ผู้นั้นจะได้ไปสู่สวรรค์นาน ๑ กัป ดังนั้นจึงไม่มีนิกายไหนดี |
|
|
|
|
๖. แล้วหลวงพ่อบวชนิกายไหน?
|
|
|
|
ตอบ
|
ถามอย่างนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะถ้าตอบว่าบวชนิกายใด ผู้ฟังย่อมเกิดอคติ
คือ ชังและชอบในคำตอบนั้น เป็นอกุศลธรรมอันลามก เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
จะให้ดีควรถามว่า ท่านบวชแล้ว...
ท่านละกิเลสตัณหาอะไรได้บ้าง อย่างนี้จะดีกว่า. |
|
|
|
|
|
|
|