|
|
|
|
๑. ถ้าเปรียบเทียบความรู้ ความสามารถ คุณประโยชน์ ระหว่างพระพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นบุคคลเอกของโลก กับอัลเบิร์ต ไอสไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่
เราจะเปรียบเทียบกันได้หรือไม่ ?
|
ตอบ
|
ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
เพราะ... |
|
|
พระพุทธเจ้า
ก. ทรงรู้เรื่องโลกมนุษย์ นรก สวรรค์ พรหมโลก
ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้อย่างแท้จริง ลึกซึ้ง ด้วยญาณวิเศษ
ข. ทรงมีอภิญญา 6 คือ อิทธิฤทธิ์, หูทิพย์, ตาทิพย์,
รู้วาระจิตของผู้อื่น, ระลึกชาติได้, และสิ้นกิเลส
ค. ทรงมีประโยชน์แก่ มนุษย์ เทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์
และสมณะพราหมณ์ ให้หายสงสัยในสรรพวิชา และชี้แนะทางให้พ้นทุกข์ได้
เป็นประโยชน์ที่ไพบูลย์ |
อัลเบิร์ต ไอสไตน์
(Albert Einstine)
ก.
รู้บางเรื่องของมนุษย์และโลกๆ รู้แบบเรียน ท่องจำ คาดคะเน
คำนวณ และสันนิษฐาน
่ข.
เป็นความรู้แบบอิงอาศัยกิเลส ไม่ลึกซื้ง ไม่พ้นทุกข์
ค.
มีประโยชน์แก่มนุษย์บางจำพวก ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ไม่ไพบูลย์
|
|
|
|
|
|
|
|
|
๒. พระพุทธเจ้าได้ชื่อว่าเป็นผู้รู้ พระองค์ทรงรู้วิธีขับรถหรือไม่ ?
|
|
|
|
ตอบ |
พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ชั้นพิเศษ
พระองค์จะไม่ทรงขับรถเหมือนมนุษย์ทั่วไป ที่ต้องใช้มือใช้เท้าบังคับกลไก
เพราะเมื่อยล้าและทำให้เสียเวลา แต่พระองค์จะขับด้วยวิธีพิเศษ
คือใช้พระบาทชื้ พระองค์ทรงต้องการให้รถไปทางใด ซ้ายหรือขวา
ก็ทรงชื้พระบาทไปทางนั้น แต่การใช้พระบาทชื้ ก็ทำให้พระองค์ทรงเมื่อยล้า
ดังนั้นเพียงพระองค์ทรงดำริ (นึก) จะให้รถเคลื่อนที่ไปที่ไหนอย่างไร
รถก็เคลื่อนที่ไปตามที่พระองค์ทรงดำริ
|
|
|
|
|
๓. พระพุทธเจ้าสร้างจรวดไปดวงจันทร์ได้หรือไม่ ?
|
|
|
|
ตอบ |
การสร้างยานพาหนะนั้นต้องใช้วัสดุ
อุปกรณ์ และเชื้อเพลิงเป็นอันมาก เป็นการเสียเวลาสูญเสียทรัพยากร
และทำให้เกิดมลภาวะ พระพุทธเจ้าทรงมีอภิญญาอยู่แล้ว พระองค์ทรงปรารถนาจะไปที่ไหน
แม้ไกลกว่าดวงจันทร์ จะเป็นดวงดาวในจักรวาลอื่นๆ หรือจะไปนรกสวรรค์ชั้นใดๆ
พระองค์ก็จะทรงเสด็จไปด้วยพระฤทธิ์ คือ เหาะไป ซึ่งมีความรวดเร็วประดุจบุรุษผู้มีกำลัง
เหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด
|
|
|
|
|
|
๔. ในโลกปัจจุบันนี้มีพระพุทธเจ้ากี่พระองค์ ?
|
|
|
|
ตอบ
|
ในปัจจุบันนี้ในโลกนี้ไม่มีพระพุทธเจ้า
แต่ในอดีตของกัปนี้เคยมีมาแล้ว 4 พระองค์ และในอนาคตจะมีอีก
1 พระองค์ (พระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ให้ดูในปัญหาธรรมประจำเดือนมิถุนายน) |
|
|
|
|
๕. ทำไมการถือศีลอุโบสถ จึงต้องใส่ชุดสีขาว และถ้าไม่ใส่ชุดสีขาวจะได้หรือไม่?
|
|
|
|
ตอบ
|
การถือศีลอุโบสถ จะแต่งชุดอะไร
สีอะไรก็ได้ แต่สีขาวพราหมณ์ (ผู้ลอยบาป) ท่านใช้เป็นประเพณีนิยมกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
มีข้อแม้ว่าต้องไม่หรูหรา สวยงาม เช่น เป็นผ้าดอก ผ้าลาย
ผ้าลูกไม้ มีชายติดดิ้นทอง ฯลฯ อันเป็นฐานะแห่งการประดับตกแต่งร่างกาย
|
|
|
|
|
๖. การถือศีล ๕ และศีล ๘ สามารถไปพระนิพพานได้หรือไม่?
|
|
|
|
ตอบ
|
ศีล
๕ ยังไปสู่พระนิพพานไม่ได้ในปัจจุบัน เพราะยังไม่เว้นเรื่องเมถุน
(การร่วมสังวาส การร่วมประเวณี) แต่ถ้าผู้นั้นเป็นพระโสดาบัน
จะไหลไปสู่การปฏิบัติ ให้งวดยิ่งขึ้น แต่สำหรับศีล ๘ ไปสู่พระนิพพานได้ในปัจจุบัน |
|
|
|
|
๗.ข้าราชการสวรรค์ หรือการสูญสิ้นพระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุคของลัทธิศรีอานส์ทรงเครื่อง
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในโทรทัศน์นั้นเป็นจริงหรือไม่? อย่างไร??
|
|
|
|
ตอบ
|
|
เรื่องตามที่เป็นข่าว
เป็นเรื่องที่เหลวไหล เป็นการหลอกลวงของคนชั่วผู้ไม่รู้จริง
พระพุทธเจ้าพระนามว่า เมตเตยยะ หรือที่คนไทยเรียกว่า
พระศรีอริยะเมตไตร คือ พระพุทธเจ้าที่จะเสด็จมาอุบัติยังโลกนี้ในอนาคตกาล
โดยมีเรื่องย่อดังนี้....
เมื่อมนุษย์โลกประพฤติอกุศลธรรมอันลามกมากขึ้น อายุของพวกเขาเหล่านั้นก็จะค่อยๆลดลง
โดยเวลาผ่านไปทุก ๑๐๐ ปีอายุจะลดลง ๑ ปี และจะมีสมัยหนึ่งที่มนุษย์มีอายุ
๑๐ ปีก็ตาย สมัยนั้นมนุษย์จะรบราฆ่าฟันกันล้างโลกอยู่ ๗
วัน คนทุศีลจะตายหมด จะมีชีวิตเหลืออยู่แต่ผู้มีศีลซึ่ง
ไม่ไปรบกับใคร พวกเขาจะชวนกันทำแต่กุศลธรรม แล้วอายุของพวกเขาจะค่อยๆเพิ่มขึ้น
จนมีอายุเพิ่มเป็น ๘๐,๐๐๐ ปี สมัยนั้นพระเมตเตยยะพุทธเจ้า
จะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ขณะนี้พระองค์กำลังเสวยพระชาติเป็นท้าวสันตุสิตโพธิสัตว์
อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน จักกวัตติสูตร
พระไตรปิฎกเล่ม ๑๑ หน้า ๕๐ |
|
|
|
|
|
๘. จำเป็นหรือไม่ที่บ้านแต่ละหลังต้องมีศาลพระภูมิ
? และศาลพระภูมิมีเทวดามาอาศัยอยู่หรือไม่?? การกราบไหว้เซ่นบูชามีผลจริงหรือไม่???
|
|
|
|
|
ตอบ
|
ไม่จำเป็นที่แต่ละบ้านจะต้องมีศาลพระภูมิ
ตามสถานที่ต่างๆ ป่า ภูเขา ถ้ำ หรืออาคารที่เป็นสิริมงคล
จะมีเทวดาอาศัยอยู่ คือ ภูมิเทวาหรือรุกข์เทวา พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ผู้บูชาเทวดา เทวดาย่อมบูชาตอบ ถ้าผู้อยู่อาศัยหรือชาวบ้านประพฤติดี
มีศีลธรรม เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา ถ้าผู้ปฏิบัติไม่ดี ไม่ศีลธรรม
เทวดาก็ไม่ตามรักษา
ที่อยู่ของเทวดา คือวิมาน หรือบ้านอันเป็นทิพย์ ซึ่งเกิดจากบุญของตน
ดังนั้นศาลที่เราสร้าง
ให้อาจเล็กไป แต่ก็แสดงออกถึงความเชื่อ ความเคารพของผู้สร้าง
|
|
|
|
|
|
๙. เพราะเหตุใด บางคนเกิดมาแล้วจึงสามารถละลึกชาติได้? จัดว่าเป็นคนผิดปกติ
หรือเป็นคนมีบุญ??
|
|
|
|
ตอบ
|
คนที่ระลึกชาติได้มีน้อยและหาได้ยาก
นอกจากเป็นกรณีพิเศษบางครั้งบางคราว ถือว่าเป็นบุญ หรือฤทธิ์ปาฏิหาริย์
ของผู้นั้นที่เคยเจริญสมาธิ หรือทำบุญมา ในปัจจุบันผู้ใดเจริญสมาธิจนได้ฌาน
๔ อย่างชำนาญ แล้วน้อมจิตไปเพื่อการระลึกชาติย่อมทำได้
|
|
|
|
|
๑๐. คนถูกผีเข้า คนทรงเจ้า
เป็นความจริงหรือไม่?
|
|
|
|
|
ตอบ
|
การทรงเจ้าเข้าผีมีจริง
แต่มีน้อย คนทรงเจ้าก็มีจริง แต่ส่วนมากจะต้องเสื่อม เพราะเป็นกิจกรรมที่ไม่พ้นทุกข์
แฝงไว้ด้วยกิเลส พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระภิกษุทำพิธีทรงเจ้าเข้าผี
|
|
|
|
๑๑. ทำไมคนบางคนจึงสวย รวย เก่ง และคนบางคนไม่สวย ไม่รวย ไม่เก่ง มีอะไรเป็นเหตุ
เป็นปัจจัย?
|
|
|
|
ตอบ
|
คนทีเกิดมาสวย เพราะชาติก่อนไม่ขี้โกรธ
คนที่เกิดมาไม่สวย เพราะชาติก่อนขี้โกรธ
คนที่เกิดมารวย เพราะชาติก่อนให้ทาน คนที่เกิดมาจน เพราะชาติก่อนไม่รู้จักการให้ทาน
คนที่เกิดมาเก่ง มีปัญญามาก เพราะชาติก่อนรู้จักการเข้าหาสมณะพราหมณ์
หรือผู้รู้แล้วถามวิชาการ
คนที่เกิดมาไม่เก่ง ไม่มีปัญญา เพราะชาติก่อนไม่รู้จักการเข้าหาสมณะพราหมณ์
หรือผู้รู้แล้วถามวิชาการ
|
|
|
๑๒. พระให้หวย หรือใบ้หวย เป็นหมอดู ได้หรือไม่?
|
|
|
ตอบ
|
พระให้หวย ใบ้หวย หรือเป็นหมอดูไม่ได้
เป็นพระวินัยที่พระศาสดาทรงห้าม ถ้าพระให้หวยถูก หรือพยากรณ์ชะตาชีวิตถูก
ยิ่งทำให้คนหลง ถ้าให้หวยผิด หรือพยากรณ์ชีวิตผิด ก็อาบัติหนักเป็นเป็นปราชิก
เพราะอวดคุณวิเศษที่ไม่มีจริงในตน |
|
๑๓. การปลุกเสกวัตถุมงคล มีอานิสงส์และศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่? |
|
ตอบ
|
ผู้ที่ได้ฌาน
๔ ย่อมปลุกเสกวัตถุให้ขลังได้ แต่ในปัจจุบันหายาก ถึงแม้ทำได้แต่ก็มีผลทางด้านจิตใจเพียงเล็กน้อย
ทั้งไม่ทำให้พ้นทุกข์ วัตถุนั้นถ้าผู้นำไปใช้เป็นผู้ไม่มีศีล ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้
และยังทำให้คนหลงมัวเมาประมาท และมักกลายเป็นนักเลง
|
๑๔. ความฝันกับนิมิต แตกต่างกันอย่างไร? นิมิตกับปุถุชนสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่??
|
|
ตอบ
|
ความฝัน
เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนทั่วไป ที่เป็นจริงก็มี ไม่จริงก็มี
แต่ที่เป็นจริงมีน้อย
นิมิต เกิดจากการฝึกจิต ถ้าจิตตั้งมั่นดีย่อมเห็นนิมิต เป็นสี
เป็นแสง หรือภาพต่างๆ นิมิตเป็นเบื้องต้นของสมาธิ เปรียบ เสมือนแสงเงินแสงทอง
ย่อมเกิดก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นฉันใด นิมิตก็เป็นเบื้องต้นของสมาธิฉันนั้น
ปุถุชนถ้าฝึกมาดี ทำบ่อยๆ ทำเนืองๆ ย่อมเห็นได้ เกิดขึ้นได้ แต่นิมิตและความฝันเป็นสิ่งไม่เที่ยง
ไม่ยั่งยืน เกิดขึ้นสักครู่ก็หายไป ยึดถือไม่ได้ สำคัญมั่นหมายไม่ได้
|
|
|